การช่วยฟื้นคืนชีพ
4.3.2 การช่วยฟื้นคืนชีพ ในบางครั้งอาจจะมีผู้เกิดเหตุอันตรายและพบว่ามีอาการหยุดหายใจและหัวใจหยุดเต้นพร้อมกันทั้งสองอย่าง จะต้องช่วยเหลือให้ปลอดภัยโดยการช่วยฟื้นคืนชีพหรือเรียกอีกอย่างว่า ปฏิบัติการกู้ชีวิต หรือศัพท์ภาษาอังกฤษว่า Cardiopulmonary Resuscitation หรือ CPR คือความหมายเดียวกันซึ่งหมายถึงการช่วยหายใจและช่วยให้หัวใจเต้นนั่นเอง ขั้นตอนการปฏิบัติจะต้องทำไปพร้อมๆกันตามลำดับคือ A-B-C A คือ Airway หมายถึง การเปิดทางลมหายใจ หรือการทำให้ทางเดินหายใจโล่ง B คือ Breathing หมายถึง การช่วยหายใจ C คือ Circulation หมายถึง การช่วยการไหลเวียนเลือด หรือการทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ การประเมินผลการช่วยเหลือฟื้นคืนชีพ หรือ CPR ภายหลังจากที่ได้ปฏิบัติการ CPR ตามที่กล่าวข้างต้น ผู้ช่วยเหลือควรประเมินผลการช่วยเหลือว่าผู้บาดเจ็บมรปฏิกิริยาตอบสนองต่อการช่วยเหลือหรือไม่ อย่างไร โดยพิจารณาดังนี้ 1.ปฏิกิริยาของรูม่ายตาต่อแสง ถ้ามีแสดงว่าสมองได้รับออกซิเจน ซึ่งจะพบว่ารูม่านตาจะหดเล็กลง 2.สามารถคลำชีพจรที่หลอดเลือดแดงใหญ่ได้ 3.ลักษณะสีผิวซึ่งดูได้จากริมฝีปาก ปลายมือ และปลายเท้าไม่มีภาวะเขียว แสดงว่าการช่วยเหลือได้ผลดี 4.การหายใจในผู้บาดเจ็บที่ถูกช่วยเหลือหากได้ผลดีจามารถหายใจได้เอง และอาจจะรู้สติดี ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากการช่วยฟื้นคืนชีพ ในขณะปฏิบัติการช่วยฟื้นคืนชีพ ถ้าผู้ช่วยเหลือไม่ได้รับการฝึกฝนมาบ้างและไม่มีความรู้ในเทคนิคหลักการให้การช่วยเหลือ ก็อาจจะก่อให้เกิดอันตรายกับผู้หยุดหายใจและหัวใจหยุดเต้นได้ อันตรายดังกล่าว คือ 1.กระดูกซี่โครงหัก จากการใช้แรงกดมากเกินไปในการนวดหัวใจ 2.เนื้อปอดฉีกทำให้เกิดลมรั่วแทรกไปตามที่ต่างๆ ในร่างกาย 3.เลือดออกในช่องท้องเกิดจากแรงกดที่มากเกินไป 4.เกิดจากการสำลักเนื่องจากเอาสิ่งอุดกั้นทางเดินหายใจออกไม่หมด ซึ่งอาจจะทำให้เสียชีวิตได้ การพิจารณาหยุดปฏิบัติการช่วยฟื้นคืนชีพ ผู้ช่วยเหลือจะหยุดปฏิบัติการได้เมื่อ 1.มีการทำงานของหัวใจและปอดของผู้บาดเจ็บอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว 2.แน่ใจว่าผู้บาดเจ็บไม่ฟื้นและมีหลักฐานว่าสมองขาดออกซิเจนและเสียชีวิตแล้ว เช่น ไม่รู้สติอย่างลึกๆ รูม่านตาขยายกว้างและไม่ตอบสนองต่อแสงต่อเนื่องกันนานกว่า 15-30 นาที โดยไม่ได้เป็นผลจากยาใดๆทั้งสิ้น |
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น